ใช้รถรับจ้างขนของได้ทุกสถานการณ์

ใช้บริการรถรับจ้างขนของได้ทุกสถานการณ์

          เป็นยังไงกันบ้างครับยังคงสบายดีกันอยู่หรือเปล่า ตอนนี้ทีมรถรับจ้างขนของของเราก็ยังคงทำงานกันอยู่แต่ตอนนี้จำนวนงานก็ดูจะลดลงอย่างน่าใจหายเลย ช่วงนี้ของปีเป็นช่วงที่งานน้อยอยู่แล้วแต่ไม่ถึงขั้นว่างานจะหายไปขนาดนี้ ก็ต้องสู้กันต่อไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง บริการรถรับขนของก็พร้อมให้ความร่วมมือ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นขอทำงานรับจ้างขนของหาเงินเผื่อว่ากักตัวก่อนแล้วกันนะครับ

ใช้รถรับจ้างขนของได้ทุกสถานการณ์
<strong><em>ใช้รถรับจ้างขนของได้ทุกสถานการณ์<em><strong>

          เงียบกว่าช่วงสงกรานต์ก็คงเป็นตอนนี้ ช่วงๆ นี้ แม้ว่ามันจะเป็นเมษาเหมือนกันแต่สถานการณ์มันต่างกันออกไป ช่วงนี้เงียบจริงๆ ทั้งคนทั้งงาน ส่วนใหญ่ในกรุงเทพจะอยู่บ้านกันหมด ตามคอนโดที่จอดรถหายากมากๆ เพราะมันก็กินเต็มพื้นที่คนไม่ออกไปไหนกันที่จอดรถก็เหลือน้อย ถ้ามีก็คือไกลเลย บางที่ลำบากเลยคือไม่มี อย่างงานรถรับจ้างขนของวันนี้ มันเป็นงานด่วนที่เข้ามา จริงๆ ลูกค้าติดต่องานกับผมไว้แล้วเมื่อหลายวันก่อน ผมเองก็ลืมงานคิวนี้ไปแล้วเหมือนกัน เพราะลูกค้าบอกขอตัดสินใจก่อนแล้วก็ดูเรื่องวันที่ลูกค้าสะดวกย้าย ก็เป็นการย้ายของที่เหนื่อยมากๆ งานหนึ่งเลยก็ว่าได้เพราะต้องขนย้ายของลงจากชั้น 4 แล้วก็ไปขึ้นชั้น4อีกที แน่นอนว่าทั้ง 2 ที่เป็นบันไดล้วนๆ ต้นทางเหนื่อยที่สุดเพราะว่าต้องเดินไกลมาเนื่องจากว่าที่หน้าคอนโดของลูกค้าเต็มไปด้วยรถแล้วเราก็ไม่มีให้จอดแล้วครับ เลยต้องอ้อมไปจอดอีกซอยซึ่ง ซอยมันทะลุหากันได้ ทางยาวๆ ประมาณ 30-50 เมตร เป็นช่องเล็กๆ แค่รถจักรยานยนต์ผ่านได้ เราต้องขนย้ายของด้วยการเดินเข้าไปในช่องทางนั้นเพื่อเอาของไปขึ้นรถ ต้องแรกคิดว่าเราต้องเปลี่ยนกันเฝ้ารถ แต่ไม่ไหวแน่ๆ เพราะมันเสียเวลาเกิดไป ถ้าไม่เฝ้าเลยก็กลัวว่าของจะหาย ก็เลยตกลงกับลูกค้าว่าเราจะขนย้ายของทั้งหมดลงไปไว้ที่หน้าตึกก่อนแล้วให้ลูกค้าไปยืนเฝ้าที่รถเอาไว้ส่วนผมกับน้องชาย จะเดินวนเอาของจากหน้าตึกไปไว้ที่รถ เดินกันหลายรอบมา ของบางอย่างชิ้นมันก็ใหญ่ต้องยกระวังๆ ไม่ให้ไปกระแทกกับกำแพงข้างทาง ตู้เย็น ที่นอน เตียง เครื่องซักผ้า แล้วก็ของอื่นอีกมากมายที่ลูกค้าพอจะเอาไปได้ในรอบเดียว คือถ้าจะเอาไปให้หมดทั้งห้องก็ต้องใช้รถประมาณ 2 คันถึงจะพอแต่ด้วยงบที่ลูกค้ามีก็ได้แค่ 1 คัน ฉะนั้นเราก็มีหน้าที่อัดของไปให้ได้มากที่สุดก็จัดการให้ตามคำขอของลูกค้า ของก็เหลือเยอะพอสมควรแต่ก็เป็นพวกของไม่สำคัญที่หายซื้อเอาใหม่ได้ แต่จริงๆ แล้วไม่แนะนำให้อัดของนะครับ เพราะมันจะทำให้ข้าวของเสียหายได้ครับ เพราะของบางอย่างถ้าพังแล้วค่าซ่อมมันแพงกว่าค่ารถคันที่ 2 อีกนะครับ

          อย่างที่บอกไปว่าเราไม่แนะนำให้ลูกค้าใช้วิธีอัดของให้ได้มากที่สุดนะครับเพราะว่าเคยมีอยู่ครั้งที่ค่าซ่อมของมันแพงกว่าค่ารถอีกครับ ตัวอย่างทีวีจอแบนราคาซ่อมจอแพงมากๆ ราคาบางทีเพิ่มอีกไม่กี่พันบาทก็สามารถซื้อเครื่องใหม่ได้เลย ที่รู้ราคาเพราะผมเคยทำจอแตกมาแล้วครับ แต่ไม่ใช้ของลูกค้านะครับ ของที่บ้านผมเองนี่ละครับ คือเรื่องมันเกินขึ้นเมื่อต้นปีที่แล้วลูกค้าจ้างให้ทีมงานของผมเข้าไปขนย้ายซึ่งงานนั้นผมก็เป็น 1ใน 3 คันที่ไปรับงานด้วย ดูจากของตอนที่คุยงานแล้วมันก็จะประมาณ 3-4 คัน ซึ่งผมก็แจ้งแล้วว่าไม่ฟันธงว่า 3 คันจะหมดหรือเปล่า ลูกค้าก็ตกลงที่ 3 คัน ไปถึงหน้างานมีของมาเพิ่มอีกจำหนึ่งซึ่งพอสมควรเลย เอาง่ายว่ามันเปิดใครที่ 4 ได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ลูกค้าก็บอกว่าพยายามทำยังไงก็ได้จบที่ 3 คัน ผมเราก็ต้องเสนอวิธีอัดของคืออัดให้เต็มจนติดหลังคา เป็นวิธีเดียวที่ทำได้ แต่ของอาจจะได้รับความเสียหายเพราะการซ้อนของหลายๆ ขั้นมันเสี่ยงมาก เราก็เสนอว่าทีวีให้ลูกค้าเอาใส่เบาะหลังรถส่วนตัวไป เพราะดูจากของที่อัดแล้วไม่ควรเอาทีวีเข้าไปอีก หน้าจอมันบางกระทบนิดเดียวก็แตกแล้ว ทีวีเป็นของที่ซื้อมาแล้วควรจะเก็บกล่องไว้มากที่สุดแล้ว เพราะมันจะมีโฟมป้องกันตามรุ่นของมันเลย คือก่อนเอาขึ้นรถผมเช็กจอก่อนเลยว่าติดปกติหรือเปล่าอันนี้ต้องเช็กกันต่อหน้าลูกค้าเลยปรากฏว่าจอมันติดปกติ พอไปถึงปลายทางจอแตกเป็นเส้นเลย เราแจ้งแล้วว่าอัดเข้าไปไม่ได้ ลูกค้าก็พยายามให้เราหาที่แหวกเพื่อจะเอาของเข้าไปให้ได้ผลมันก็ออกมาแบบนั้นละครับ

[ninja_form id=2]
admin